Thursday, January 15, 2009

คนเราอายุเฉลี่ย 60....

คนเราอายุเฉลี่ย 60

ปี1 ปี เท่ากับ 365

วันแสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน

คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที

ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม......... ไม่เลว 3,120 สัปดาห์

อุแม่เจ้า........แสดงว่า

เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง

คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา

แทบเบือนหน้าหนีจากปฏิทิน

เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับถอยหลังเพื่อรอวันลาโลก...

เปล่าเลยผมไม่ได้กลัวตาย

และขอโทษที่หากเรื่องอาจไม่ค่อยขำ

แต่ตลอดเวลาที่ใช้เวลาอยู่บนโลกนี้มันน้อยมากหากคำนวนในเชิงตัวเลข

ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน

เพลงอีกหลายเพลงยังไม่ได้ฟัง

หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดู

ความรู้สึกในใจอีกมากมายที่ยังไม่เคยบอก

พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป โอ๊ย.....

กลุ้มสองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามัน

น้อยเกินไปจริง ๆ และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้นคือ

ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี

แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน

นั่นแสดงว่าบางคนไม่ได้มีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วันหรอกนะ

อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ !
อุแม่เจ้าเทค 2

คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึง

สามพันวันแล้วเหรอเนี่ย!!!!

คิดแบบนี้ต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู

กางปฏิทินออกกว้าง ๆ

เพราะมันคือเวลาที่เราเหลือ.... บนโลกนี้

นี่ชั้นกำลังทำบ้าบออะไรอยู่.....ไม่เลยน้องสาว

นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งสิ้น หากเป็นความจริงที่

เราไม่ค่อยได้มองมันเอาล่ะ

งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 17 ปี

แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,205 วัน

และผ่านคืนวันเสาร์มาร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น

คำนวณเองบ้างซิว้อยย.....

เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลา ( ที่คาดว่าจะ) เหลืออยู่

ผลลัพธ์ที่ได้

เราจะทำยังไงกับมันดี .....

แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ

นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวัน ๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้

เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า ' เงินเดือน '

บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้ง ๆที่

ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ

ไม่ก็เห็นแค่ว่าเพื่อนเรียน

เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า

กูจะเป็นอะไรดีบางคนแอบรักเขา

ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้นปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอย

ไปหาคนอื่นแต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่

แต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน

บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร

เก๊กใส่กันไปวัน ๆ

ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ มึงแน่ กูแน่

งอนการกุศลประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....

ไอ้บ้าและอีกหลายคนนิยมกิจกรรม ' ฆ่าเวลา '

ชีวิตมันว่างจัดขนาดต้องฆ่าเวลากันเลยบอกตรง ๆ

เห็นแล้วอยากตบกบาลเอ็ง

กำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี

อีกหน่อยเราก็ตายจากัน ......

แล้วนะลองคิดแบบนี้บ้างใช่แล้ว ....

เราจะเกิดความเสียดายเพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้าน

ที่เรายังไม่ได้ทำตายได้ไง

หากฝันไม่สำเร็จไม่ได้หมายความว่าเรา

จะไม่ยอมตายแต่ให้รีบทำทุกอย่าง

ก่อนที่จะตาย ... ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้

และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ...

มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า

เอาแบบตายวันตายพรุ่งก็

จะได้นอนตายตาหลับใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า....

พรุ่งนี้ฉันจะตายแล้วทำงานในสิ่งที่เรารัก

เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก

ตามความฝันของเราไปสุดโต่ง ...

ต้องรีบแล้ว เดี๋ยวตายนะ...

เตือนแล้วไงรักให้หมดใจ

บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี

ส่วนจะรักหรือไม่รักกู ไม่สนว้อย ...

เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ ) ตายแล้ว

ใช้เวลา ( ที่อาจจะ) สุดท้ายที่มีต่อกัน ไว้กอดกันเหมือนว่า

นี่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของเรานุ่มนวลที่สุด

เท่าที่จะทำได้เพราะอย่างน้อย ๆ

เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอนให้สัมภาษณ์ยมบาล.......

คนข้างบ้านเดินแป้นแล้นมาบอกข่าวดี

ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน

ในมือมีซองสีชมพูพร้อมการ์ดลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น

แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง

เมื่อกี๊ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทรมาปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน.........

หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย ......

แต่กว่าคนเป็นแม่จะรู้ข่าวร้าย ก็ปาไป 5 วันซองในมือผม

กลายเป็นเงินช่วยงานศพ

ช่อดอกไม้ กลายเป็นพวงหรีด

และทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจ

ที่อยากจะบอกว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน ....

แล้วนะอ้าว.... รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก

รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ

เดี๋ยวตายซะก่อน .... เสียดายแย่


โดย น้าเน๊ก ...... เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา