Sunday, March 11, 2007

ในวันที่คุณท้อ คุณเป็นแบบไหน




มีคนเป็นอันมากชอบวิตกหมกมุ่น

เป็น ทุกข์ล่วงหน้า ไว้ก่อนความจริงเรื่องที่วิตกทุกข์ร้อนนั้น มันอาจไม่เกิดขึ้นตาม ที่เราวิตก เมื่อเป็นดังนี้ความวิตกกังวลของเราก็เป็น ความทุกข์กินเปล่า คือ เป็นทุกข์ไป เปล่าๆ น่าเสียดาย ตัวอย่างเช่น เด็กนักเรียน ม.ศ.5* วิตกเป็นทุกข์ ไปล่วงหน้า ก็กลัวจะสอบไล่ปลายปีไม่ได้ และวิตกล่วงหน้าไปถึงเรื่องการสอบเข้า มหาวิทยาลัย

แต่พอสรุปปลายปีจริงก็สอบได้และสอบได้คะแนนดีอีกด้วย และ พอ สอบเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบได้อีกในคณะที่ตนต้องการ เมื่อเป็นดังนี้ ความวิตก ล่วง หน่าเหล่านี้ ก็เป็นความทุกข์กินเปล่ามาเป็นปีหรือปีครึ่ง ถ้าวิติกล่วง หน้าหลาย ปีมากเท่าใดความทุกข์ก็ขยายออกไปมากขึ้นเท่านั้น เมื่อสะสมกันนานเข้า ก็จะกลาย เป็นนิสัย เป็นคนขี้วิตกทุกข์ ร้อน

ความวิตกทุกข์ร้อน

ที่เรียกภาษา อังกฤษว่า worry กับคนช่างคิดที่เรียกว่า thoughtful นั้นไม่เหมือน worry ให้ ความทุกข์ ความ มืดมน ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวฟุ้งซ่านทำอะไรไม่ถูกขี้หลงลืม หงุด หงิด และเป็นทุกข์ ส่วน thoughtful คนช่างคิดตรงกันข้ามเลยทีเดียว คือ ทำให้คน มีปัญญาเฉียบคม มี ปัญญาว่องไว เหมือนมีดที่ลับอย่างถูกต้องตามวิธีการลับ ส่วน wory มัน เหมือนเอาคมมีดไปเฉือนหิน ยิ่งเฉือนยิ่งทื้อ คนผู้นั้นจะกลาย เป็นขี้เท่อไปในที่สุด



คนช่างคิดนั้นเขาคิดอย่างมีระบบมีหลัก เกณฑ์
คิด เป็นเรื่องเป็นราวเป็นประโยชน์ สมมติว่าคิดเรื่องความ ตาย คน worry จะคิดถึงความ ตายด้วยความหวาดหวั่นพลั่นพลึงกลัวตาย เป็นห่วงหน้า ห่วงหลัง ตายแล้วเขาจะเอาไป เผาวัดไหน วัดนั้นก็ไม่ดี วัดนี้ก็แพงไป คนที่อยู่ ข้างหลังเขาคงลำบากมาก เขาจะ อยู่กันได้อย่างไร โอ เรายังไม่ตาย เราต้องไม่ตาย แม้แต่พอได้ยินเรรื่องตายก็ ถือเป็นรางร้ายเลยเป็น ทุกข์

ส่วนคนที่ช่างคิดหรือคนที่คิดเป็น นั้น
พอคิดเรื่อง ตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้นอกจากบุญและบาป คนทำบาปมากอยู่ไปก็ไม่เป็นสุขตาย ไปก็ไม่สุข คนอยู่ข้างหลังก็แช่งด่า ส่วนคนที่ ทำดีมากอยู่ก็เป็นสุขตายไปก็เป็น สุข คนที่อยู่ข้างหลังญาติพี่น้องพวกพ้องก็ เป็นสุขมีหน้ามีตาเมื่อเป็นดังนี้ควร เว้นความชั่ว ทำความดี อนึ่ง ถ้าคนเราไม่ ตาย แต่ความแก่ไม่ได้หยุด แก่ไป เรื่อยๆ ไม่รู้จักตายก็ลำบากแย่
ความตาย ถือเป็นมิตรที่ดีเป็นผู้ช่วยที่ ปลดเปลื้องทุกข์อันยืดเยื้อทรมานนักหนา ความตาย เป็นประโยชน์แก่เรา ความทุกข์ บางอย่างเช่นโรคเรื้อรังรักษาเท่าไรก็ไม่หายความ ตายเท่านั้นที่จะรักษาโรคนี้ ได้ คิดอย่างนี้แล้วก็ไม่กลัวตายตรงกันข้ามจะมีจิต ใจแจ่มใส ขยัยทำความดีหนีความ ชั่ว นักปราชญ์ท่านจึงว่า คิดถึงความตายสบายนัก มันตัดรักตัดหลงในสงสาร เป็น ต้น
คน worry กับคน thoughtful
ตรงกันข้ามอย่างนี้ เพราะฉะนั้นต้องพยายามประคับประคองตนให้อยู่ในพวก คนช่างคิด-คิด เป็น คิดให้เป็นประโยชน์ และความเป็นสุขผู้มีปัญญาคิดเป็นย่อมหา ความสุขได้แม้ใน เรื่องที่น่าจะ ทุกข์
ขอขอบคุณ ข้อมูลที่มีคุณภาพ จาก หนังสือเพื่อความสุขใจ แต่งโดย วศิน อิน ทสระ

No comments: