Wednesday, August 03, 2016

เวลา.. มีค่ากว่าเงิน

• เวลามีค่ากว่าเงิน หาใหม่ไม่ได้
แต่เราก็มักเอาสิ่งที่มีค่ากว่าเงินนั้น
ไปทุ่มเทไม่อั้นให้กับความเจ็บใจ
ความกังวล และความขี้เกียจ

• ใช้ชีวิตเป็น ก็ใช้เงินเป็น
แต่ใช้เงินเป็น ยังไม่แน่ว่าจะใช้ชีวิตเป็น

” อย่าแลกเอาเงินไร้หัวใจมา
ด้วยการทิ้งเวลาในชีวิตไปจนหมด “

ตอนกระเป๋าแห้งกลัวคนอื่นรู้ว่าตัวเองไม่มีเงิน
ตอนกระเป๋าตุงกลัวคนอื่นรู้ว่าตัวเองมีเงิน

ขณะที่คนมากมายจ้องดูว่าคุณบินได้สูงแค่ไหน
มีเพียงน้อยคนที่ห่วงใยว่าคุณบินเหนื่อยไหม

ถ้าข้าพเจ้ามีเวลาแปดชั่วโมงในการตัดต้นไม้
ข้าพเจ้าจะใช้เวลาหกชั่วโมงในการลับขวานให้คม

4 สิ่งในโลก .. ที่เงินซื้อไม่ได้ คือ ..
“ความรัก” , “เวลา” , “ชีวิต”, และ “มิตรแท้”

คนเรา เจ็บปวดครั้งแรก พอที่จะโทษคนอื่นได้ .. แต่เจ็บปวด ครั้งที่สอง มีแต่ “ต้องโทษตัวเอง”
ท้อแท้ได้ แต่อย่า “ท้อถอย” ..อิจฉาได้แต่อย่า “ริษยา” พักได้แต่ “อย่าหยุด”
เพื่ออะไร ‘กับการรอคอย’ ที่ ‘ไม่มีความหมาย’
เมื่อวาน ‘ก็สายเกินแก้’ พรุ่งนี้ ‘ก็สายเกินไป’
แม้แต่นิ้วของคนเรา ‘ยังยาวไม่เท่ากัน’ นับประสาอะไรกับ ‘ความยั่งยืนของชีวิต’
โลกใบนี้เต็มไปด้วย “ความมหัศจรรย์” ถ้าไม่ออกเดินทางก็ “ไม่มีวันค้นพบ”
ตึก ยังรู้พัง ‘สตางค์’ ยังรู้หมด แต่ ‘ไมตรี’ อันสวยสดไม่มีหมดเหมือนสตางค์
บางครั้ง เราก็เหมือน “คนตาบอด” มีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้ คือ “การคลำทางเดินหน้าต่อไป”

Wednesday, January 30, 2013

25 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs








"เขาว่ากันว่ามีแอ็ปเปิ้ลสามลูกที่เปลี่ยนโลกใบนี้ แอ็ปเปิ้ลลูกแรกคือ ลูกที่อดัมและอีฟกินเข้าไป แอ็ปเปิ้ลลูกที่สองคือ ลูกที่ตกใส่หัวของเซอร์ไอแซ็ค นิวทัน ทำให้เขาค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และแอ็ปเปิ้ลลูกที่สาม คือ แอ็ปเปิ้ลของสตีฟ จ็อบส์"


สตีฟ จ็อบส์ อุทิศชีวิตให้กับการคิดนอกกรอบ เขาทำให้เส้นกั้นอันหนาเตอะระหว่างสุนทรีย์แห่งความงามและความกระด้างแห่งวิศวกรรมกลายเป็นเพียงเส้นใยอันบางเบา ผลลิตทางความคิดนี้ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมดนตรี และขับเคลื่อนพลโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เขาสมควรได้รับการยกย่องในฐานะนักประดิษฐ์แห่งสหัสวรรษที่สาม


ข้อคิดดีๆ ต่อไปนี้ คือผลพวงจากการตามติดชีวิตของเขา ทั้งในยามยากและยามรุ่งโรจน์ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำงาน ในชีวิตจริงเราคงอาจฝันถึงความเป็นสุดยอดเฉกเช่นเขา แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล อย่างไรก็ตามอย่างน้อยที่สุดการได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน ก็น่าจะพอแล้ว มาปลุกวิญญาณความเป็น สตีฟ จ็อบส์ ในตัวเราด้วยกันเถอะ


1. Beginners don't have baggage - เริ่มอย่างไร้กังวล
เริ่มต้นเล็กแต่คิดใหญ่ ผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเริ่มจากศูนย์แล้วนับหนึ่ง จากเอแล้วไปบี มักเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ดีๆ "ผมไม่รู้คุณค่าของปรัชญานี้จนกระทั่งผมโดนเฉดหัวออกจากแอ็ปเปิ้ลครั้งแรก นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยทีเดียว ความกดดันในความสำเร็จถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโปร่งโล่งสบายของการเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความคิดสร้างสรรค์และมีไอเดียกระฉูดมากที่สุด"

2. Be bold - จงห้าวหาญ
สตีฟมักย้ำถึงการทำสิ่งที่ชัดเจนด้วยความกล้าและปราศจากความกลัว เขากล่าวว่า "ชีวิตคนสั้นนัก จะตายเมื่อไหร่ไม่รู้"

3. Be what's next - มองหาสิ่งใหม่
มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ จงเรียนรู้ อย่าฟูมฟายกับอดีตที่จบไปแล้ว อย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่หายไป เราควรที่จะคิดถึงสิ่งใหม่ๆในชีวิตของเราที่ยังรอการค้นพบ บางครั้งก้าวแรกอาจจะแสนยาก แต่จงเริ่มต้นทำ และความกล้าหาญจะเกิดขึ้นตามมา "ถ้าผมได้บริหารแอ็ปเปิ้ล ผมคงจะมุ่งพัฒนาให้แม็คอินทอชเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสุดๆ ด้วยการคิดค้นลูกเล่นใหม่ๆ สงครามพีซีมันจบนานแล้ว และไมโครซอฟท์คือผู้ชนะ"

4. Design by committee doesn't work. - อย่าให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาตัดสินชี้ชะตา
มันเป็นเรื่องยากที่จะออกแบบอะไรซักอย่างตามความต้องการของพวกคนที่มานั่งประชุมกัน คนเราส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอยากได้อะไรจริงๆ จนกว่าจะได้เห็นสิ่งนั้น"

5. Design is more than veneer - การออกแบบไม่ใช่การสร้างเปลือกนอกเพื่อห่อหุ้ม แต่มันคือสิ่งที่มีมิติและมีองค์ประกอบซ้อนกันหลายชั้น
"ในบริบทของใครหลายคน การออกแบบเป็นแค่การสร้างเปลือกนอก เป็นแค่การตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนผ้าหุ้มโซฟา แต่สำหรับผมแล้ว การออกแบบคือจิตวิญญาณขั้นต้นของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ที่มีหัวใจของการออกแบบที่ดีแสดงออกถึงพิ้นผิวของมัน ซึ่งทับซ้อนกันอยู่หลายระดับ"

6. Don't live someone else's life - จงใช้ชีวิตในแบบของคุณ
"ช่วงเวลาชีวิตสั้นนัก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่าด้วยการทำตามผู้อื่น อย่ายึดติดกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับ และอย่าปล่อยใจไปตามความคิดของคนอื่น เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ทำตามที่หัวใจคุณเรียกร้องและสัญชาตญาณ"

7. Drive to do great things - ค้นหาความทะเยอทะยานและปรารถนาที่แท้จริงของคุณให้พบ
"นึกถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และทำมันให้แตกต่างจากคนอื่น หนทางเดียวที่จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้ก็คือรักในสิ่งที่คุณทำ จงสร้างความประทับใจให้ตัวเองมิใช่ผู้อื่น"

8. Excellence is a way of life - มองหาความเป็นเลิศ
สตีฟได้บรรลุแนวทางนี้ด้วยการนำศิลปะและวิศวกรรมมาเรียงร้อยด้วยกันอย่างลงตัว เขาได้ยกระดับของสุนทรีย์แห่งการออกแบบให้สูงขึ้น "คุณภาพและความงามคือเป้าหมายสูงสุด หลายคนมักไม่คุ้นเคยกับสภาวะการทำงานที่ต้องอาศัยความเป็นเลิศ เพราะไม่ต้องใช้มันบ่อยนัก ถึงกระนั้นความเป็นเลิศคือหัวใจสำคุญที่สุดของการทำงาน"

9. Get out of the way for the moving force - จงอย่าเป็นตัวถ่วง
สตีฟไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์เอาไว้ เขาตระหนักดีว่าคนที่ทำงานคือพวกที่สร้างประโยชน์ "หน้าที่หลักของผมคือทำให้คนที่ทำงานจริงๆ นั้นอยู่ดีมีสุข และเก็บพวกคนที่ไม่ทำงานเอาไว้ให้ห่างจากคนที่มีประโยชน์เหล่านี้"

10. If they fall in love with the company, everything else takes care of itself - มองหาคนทำงานที่มีความรักทุ่มเทให้กับองค์กร
"จริงอยู่ที่สมรรถภาพคือตัวแปรแห่งความสำเร็จ แต่คนทำงานเหล่านั้นจะรักบริษัทหรือเปล่า ผมเชื่อมั่นว่าถ้าเขารักแอ็ปเปิ้ล เขาจะนำพาแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาสู่แอ็ปเปิ้ล ไม่ใช่ทำเพื่อตัวผมหรือตัวเองหรือใครก็ตาม"

11. It better be worth it. - ไม่ลองไม่รู้ จงทำให้ดีที่สุด อย่ามัวแต่หยุดนิ่งอยู่กับที่
"เมื่อเราได้เลือกแล้วว่าจะทำอะไร ฉะนั้นจงเชื่อว่ามันจะออกมาดีคุ้มค่าเหนื่อย"

12. It's not the money. It's the impact.- เงินไม่ใช่คำตอบของชีวิต คุณค่าของเราอยู่ที่การได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่โลก
"ผมไม่แคร์หรอกว่าจะได้นอนกอดเงินเป็นล้านอยู่ในหลุมศพ สิ่งสำคัญสำหรับผมคือการได้ระลึกถึงสิ่งดีงามที่เราได้ทำลงไปก่อนเข้านอน"

13. It's the crazy ones who change the world - จงคิดนอกกรอบ
กล้าทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คนที่บ้าพอที่จะทำในสิ่งที่ไม่เหมือนใครสามารถเปลี่นแปลงโลกได้ เพราะสิ่งนั้นคือผลพวงของอัจฉริยะ

14. Innovation distinguishes between a leader and a follower.- สร้างนวัตกรรมใหม่
นวัตกรรมจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครเป็นผู้นำ ใครเป็นผู้ตาม จ้างคนที่ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดในโลกมาทำงาน ถึงแม้คุณจะมีคนทำงานเก่งกาจมากมาย คุณต้องเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ชี้นำให้พวกเขาทำงานร่วมกันเป็นทีม "นวัตกรรมไม่ได้เกิดจากการหว่านเม็ดเงิน มันเกิดจากการใช้มันสมองของคนให้เต็มที่ด้วยการเป็นผู้นำที่ดี ตอนที่เราคิดค้นเครื่องแม็คขึ้นมา ไอบีเอ็มใช้เงินลงทุนมากกว่าเรา 100 เท่า มันอยู่ที่คนของคุณ อยู่ที่แนวทางของการนำพาคนเหล่านั้น"

15. Make people great. - เคี่ยวเข็ญคนของคุณให้เป็นคนเก่ง
"ผมจะไม่ทำตัวเหลาะแหละกับลูกน้อง หน้าที่ผมคือเขี่ยวเข็ญให้พวกเขาเก่งยิ่งขึ้นไปอีก"

16. Perseverance pays off.- ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
สตีฟเชื่อว่า "ครึ่งหนึ่งขององค์ประกอบทั้งมวลแห่งความสำเร็จของพวกนักลงทุนทางการเงินคือความวิริยะอุตสาหะ"

17. Put your heart and soul into it - จงทำมันให้เต็มที่ เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชนและพิชิต
"กุญแจสำคัญคือความไม่กลัว ทำงานด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งการบรรลุเป้าหมาย"

18. Pick your priorities carefully - ลำดับความสำคัญอย่างระมัดระวัง
การมีไอเดียดีๆ ในหัวเป็นร้อยเรื่องคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่มันจะกลายเป็นเรื่องเยี่ยมที่สุด หากเราลำดับความสำคัญให้ดี "การเพ่งความสนใจให้กับทุกเรื่องในหัวเป็นสิ่งดี แต่นั่นไม่ใช่คำตอบแห่งความสำเร็จ ควรยึดมั่นในบางอย่างก็พอ แล้วปล่อยที่เหลือเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปสนใจ"

19. Simplicity wins - ความเรียบง่ายคืออาวุธลับและอำนาจที่จะทำให้พิชิตความสำเร็จ
"เราควรตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน และขจัดความยุ่งยาก ด้วยการตั้งคำถามว่า เราจะทำให้มันเรียบง่ายมากขึ้นและแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้ในเวลาเดียวกันได้หรือไม่"

20. Talent is a huge multiplier.- พรสวรรค์ทำให้เกิดการแตกหน่อ คนเก่งมักดึงคนเก่งให้มาอยู่ด้วยกัน
"ประสบการณ์สอนผมว่า การที่เราได้คนเก่งมาร่วมงาน ทำให้องค์กรสามารถดึงคนเก่งจากที่อื่นมาร่วมงานได้มากขึ้น ทั้งนี้โดยธรรมชาติของคนพวกนี้ มักชอบทำงานกับคนเก่งด้วยกัน"

21. Take responsibility for the complete user experience.- ความคิดเห็นจากผู้ใช้และลูกค้าคือเสียงสำคัญ
"ดีเอ็นเอของเราคือบริษัทที่คำนึงถึงผู้บริโภค เสียงตอบรับไม่ว่าดีหรือร้าย บวกหรือลบ ล้วนแล้วแต่มีบทบาทเท่ากันในการปรับปรุงการให้บริการ หน้าที่ของเราคือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากเรา"

22. What you don't do defines you as much as what you do - "ผมมีความภูมิใจในสิ่งที่ยังไม่ได้ลงมือทำเท่ากับสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว"

23. You have nothing to lose.- ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว
ทำด้วยใจ สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ด้วยความรัก "อีกไม่กี่วันพวกเราก็ตายแล้ว ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าเราได้สูญโอกาสไปแล้วเท่าไหร่ การคิดแบบนี้เหมือนกับดักทางความคิด ให้คิดว่าเราได้เปลือยกายจนล่อนจ้อน จะมีเหลืออยู่ก็แต่ร่างกายและหัวใจ จงทำทุกอย่างให้เต็มที่"

24. You just might be right, even if nobody listens to you. -การที่ไม่มีใครฟังคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด
สทีฟเคยเจอกับตัวเอง เลยเล่าให้ฟังงว่า "คุณรู้มั้ย ผมเคยมีแผนการวิเศษที่จะช่วยกู้ชีพแอ็ปเปิ้ลได้ มันเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ผมไม่สามารถบอกใครได้ เพราะไม่มีใครยอมฟัง" อุทาหรณ์ของเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การที่ไม่มีใครฟังคุณเลย ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด

25. Your brand is your most valuable asset - จุดยืนของตัวเองคือสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด
นั่นคือคุณแตกต่างจากคนอื่น ทำให้คนอื่นทราบว่านี่แหละคือตัวคุณ นี่แหละคือออร่าของคุณ

"เมื่อพูดถึงแอ็ปเปิ้ล แบรนด์ของเราคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในสายตาผม"


ที่มา:sanook.com

Monday, January 30, 2012

+++++ "น้าเน็ก" คำคมๆ มากมายจากผู้ชายหน้าหนวด +++++

จาก tweeter น้าแน็ก ครับ

- ที่ผ่านมาทั้งชีวิตผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมรัก แต่ทุกๆคนทำให้มันกลายเป็นสิ่งมีค่า...ขอบคุณทุกกำลังใจครับ^^9:56 PM - 27 Jan 12

- "อย่างไรก็ตามความรักก็เป็นสิ่งมีค่าต่อมนุษย์ทุกผู้นาม ไม่ว่าจะครอบครองมันในแบบสุขสมหวัง หรือแม้กระทั้งในรูปแบบของความโศกเศร้าผิดหวัง"7:32 PM - 26 Jan 12

- "ไม่มีใครอยากอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในขณะที่ก็ไม่ได้อยากสุงสิงกับคนแปลกหน้า และจะสบายใจมากถ้าได้อยู่ท่ามกลางผู้คน...บนความเป็นส่วนตัว" 11:01 AM - 19 Jan 12

- "อย่าใช้คนอื่นยืนยันการมีตัวตนของเรา ว่างก็โทรหาคนอื่น กินอะไรต้องถามคนอื่น สวมใส่อะไรถามคนอื่น ไปเที่ยวไหนถามคนอื่น ดีใจ-เสียใจเพราะคนอื่น" 10:42 AM - 19 Jan 12

- "คุณค่าของสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จอยู่ที่หนทางไปสู่มัน มิใช่การครอบครองเป็นเจ้าของมัน" 1:50 AM - 19 Jan 12

- "หากหัวใจยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของคนหนุ่มสาว อายุที่มากก็ไม่ได้แปลว่าแก่" 1:45 AM - 19 Jan 12

- "เอาเข้าจริงแล้วสมบัติชิ้นเดียวของทุกคนคืออดีต เพราะปัจจุบันกำลังจากไปทุกวินาที และอนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีเหลือเท่าไหร่" 1:41 AM - 19 Jan 12

- "อย่านึกว่าทุกยิ้มที่เห็นนั้นหมายถึงความสุข เพราะมันอาจกำลังทำหน้าที่ปกปิดความเศร้าที่อยู่ในใจ"4:34 PM - 13 Jan 12

- ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นหา "ความเป็นตัวของตัวเอง" และที่ยากกว่าก็คือการดูแลปกป้องมัน แต่เชื่อเถอะมันคุ้มค่ามากพอที่จะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมัน12:53 AM - 11 Jan 12

- การได้พบ "ใครบางคน" ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นวัน-เวลาที่แสนมีความสุข หากแต่ยังเป็นการยำ้เตือนให้รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเรานั้นขาดหายอะไรไป...1:21 AM - 10 Jan 12

- ในโลกมีคนอยู่สองประเภท ประเภทแรกเห็นแสงแดดแล้วกลัวดำ กับประเภทหลังที่เห็นแสงแดดแล้วสุขใจว่าธรรมชาติยังคงรูปรอยของมัน4:38 PM - 28 Dec 11

- ภาษาวิบัติในโซเชี่ยลฯไม่ใช่เรื่องต้องตำหนิ,กล่าวโทษใคร ทำได้เพียงไว้อาลัยที่ความสวยงามของมันโดนฆ่าตายโดยฆาตกรที่ใช้ข้ออ้างว่า~"ศัพท์วัยรุ่น"8:37 PM - 5 Dec 11

- ถ้าพ่อไม่ได้ใช้เฟสบุ๊ค,บีบี ก็อย่ามาขึ้นสเตตัสบอกรักพ่อเลยครับ บอกท่านด้วยตัวเองคนเดียว น่าประทับใจกว่าเที่ยวประกาศในโชเชี่ยลเน็ตเวิร์ค3:56 AM - 5 Dec 11

- จะมัวแต่มองไปยังคนอื่นเพื่อที่จะอยากเป็นอย่างเขาทำไมเล่า ในเมื่อเรามีสิ่งที่ควรเป็นนั่นคือตัวเราซึ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะบุคคลที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง4:26 PM - 29 Nov 11

- "แม้กล่องของขวัญจะสวยขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ถูกฉีกเพราะคุณค่าอยู่ที่ของข้างใน...คนเราก็เช่นกัน ความสำคัญนั้นอยู่ภายในจิตใจ...หาใช่หน้าตา"
4:12 PM - 29 Nov 11

- ถ้าปรารถนาจะมีชีวิตที่มีความสุข เงินเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งหาใช่จุดหมาย...อย่าใช้ทั้งชีวิตเพื่อก้มหน้าก้มตาหาแต่มัน9:51 AM - 29 Nov 11

- หากมองสิ่งรอบข้างด้วยความเข้าใจ และปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ ตลอดชีวิตเราจะไม่มีวันเจอสิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา"1:14 AM - 20 Nov 11

- อย่าเสียใจกับการจากไปของอะไรบางสิ่ง เพราะเอาเข้าจริงมันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไร11:23 AM - 23 Oct 11

- สำหรับบางคน...ในบางครั้งเราก็ดูแสนดี แต่บางทีก็ดูเลวซะเต็มประดา แล้วควรทำอย่างไร?....คำตอบคือ "ก็แค่เป็นอย่างที่เราเป็น"1:12 AM - 24 Sep 11

- ถ้าเปรียบครอบครัวเหมือนการล่องแพ"ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก"ไม่มีพ่อก็ไม่รู้ครอบครัวจะไปทิศทางไหน ไม่มีแม่ก็มิอาจเรียกว่าครอบครัว7:55 PM - 8 Aug 11

- ไม่ว่าจะทำอะไรเอาให้สุดๆ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่เวลาได้บอกใครว่า "ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันเป็น" แม้หน้าที่นั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม9:54 AM - 4 Aug 11

- พ่อเคยสอนว่า...บางครั้ง"โอกาส"ก็เหมือนนำ้ที่สาดมาจากทุกทิศทาง อยู่ที่ว่าเราเตรียมถังนำ้ที่ชื่อว่า"การเตรียมพร้อม"เอาไว้กักตุนมากพอหรือเปล่า 1:54 PM - 3 Aug 11

- คนรวยคือคนที่มีทุกอย่างเหมือนเราแค่ราคาแพงกว่า แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขมากกว่า ถ้าอยากแสวงหาความสุข...ความรวยไม่ใช่คำตอบ!9:44 AM - 19 Jul 11

- สิ่งเดียวที่จะตัดสินว่าชีวิตที่เรามีนั้นดีหรือเลวก็คือ "ทัศนคติ"...ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้!9:40 AM - 19 Jul 11

- เราจะรู้สึกอุ่นสบายต่อเมื่อได้ห่มผ้าผืนหนาในอากาศหนาวเหน็บ...นั่นแสดงให้เห็นว่าประโยชน์ของความทุกข์นั้นมีไว้เพื่อให้รู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน1:47 AM - 10 Jul 11

- สำหรับผม ชีวิตที่สนุกคือชีวิตที่ยุ่ง...อย่างมีระเบียบ1:44 AM - 10 Jul 11

- ทุกครั้งที่ประสบปัญหา เราใช้เกือบทั้งหมดของสมองไปกับการตื่นตระหนกและวิตกกังวล โดยแทบไม่เหลือเนื้อที่สำหรับคิดแก้ปัญหาเลย ฉะนั้น จงมีสติเสมอ!1:20 AM - 7 Jul 11

- ยามเมื่อยู่ใต้แสงเทียนเราจะรู้สึกโรแมนติคและเป็นสุข ถึงแม้ว่าแสงสว่างนั้นจะเกิดจากการยอมเผาไหม้ตัวเองเพื่อคนรอบข้าง..การเสียสละนั้นดีงามเสมอ9:54 AM - 23 Jun 11

- โดยพื้นฐานแล้วเราทุกคนมีชีวิตที่ดีในแบบของเราอยู่แล้ว ประเด็นอยู่ที่ว่าตัวเรานั้นเห็นดีเห็นงามกับชีวิตของเรารึเปล่า นั่นล่ะที่เรียกว่า "สุข"1:25 AM - 23 Jun 11

++++ผมคิดเสมอว่าคนที่ฟอลโลว์นั้นเป็นสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา และผมถามตัวเองทุกครั้งที่ดูทวิตฯว่าผมจะทำอะไรเพื่อพวกคุณได้บ้าง ++++

Thursday, January 12, 2012

ฟังเพลงสร้างกำลังใจกันหน่อยครับ






Iridescent - Linkin Park
Credit Elzadel

" When you were standing in the wake of devastation
ยามคุณกำลังยืนนิ่งอยู่บนเศษซากแห่งการทำลายล้าง

When you were waiting on the edge of the unknown
ยามคุณกำลังรอคอยอย่างไม่รู้อะไรเลย

And with the cataclysm raining down
พร้อมกับความรุนแรงที่กระหน่ำเข้ามา

Insides crying “Save me now”
คุณครวญในใจ "ช่วยด้วยเถิด"

You were there, impossibly alone"
คุณอยู่นั่น, สุดทานทนกับความเดียวดาย


"Do you feel cold and lost in desperation?
คุณรู้สึกหนาวเหน็บและพ่ายแพ้เมื่อสิ้นหวังไหม?

You build up hope, but failure’s all you’ve known
คุณก่อความหวังขึ้นมา แต่กลับพังทลายสิ้น

Remember all the sadness and frustration
จงจดจำทุกความหมองหม่น และความหวาดหวั่น

And let it go. Let it go"
แล้วปล่อยมันไป จงปล่อยมัน..


"And in a burst of light that blinded every angel
ในความสว่างเจิดจ้า จนสายตาเหล่าเทพแทบมัวพร่า

As if the sky had blown the heavens into stars
ราวกับว่าท้องฟ้าทำให้สวรรค์ สลายกลายเป็นเพียงดาว

You felt the gravity of tempered grace
คุณรู้สึกถึงพลังแห่งความดีงาม

Falling into empty space
ร่วงหล่นสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

No one there to catch you in their arms
ที่ซึ่งไม่มีใครรับคุณไว้ในอ้อมแขน

Remember all the sadness and frustration
จงจดจำทุกความหมองหม่น และความหวาดหวั่น

And let it go. Let it go"
แล้วปล่อยมันไป จงปล่อยมัน..

"Let it go"
"ปล่อยมันไป"


Tuesday, March 29, 2011

คลิปซึ้งๆ ดูกี่ทีก็น้ำตาไหล

บางทีเราควรหันมามองคนข้างๆบ้าง เวลาเป็นสิ่งมีค่า ควรใช้เวลาดูแลคนที่รักเราและเรารักให้ดีที่สุด


Tuesday, January 11, 2011

สิ่งเดียวที่ผมทำไม่ได้คือ "การยอมแพ้" *~





สิ่งเดียวที่ผมทำไม่ได้คือ "การยอมแพ้" *~
ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า ไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัว เองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู

ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอ ยต์
ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์" ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง

ชายกลุ่มหนึ่ง...เป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคนหนึ่งจากบ ริษัทเดคคาเรคคอร์ติ้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า "เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่งตำนาน

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไมเคิล จอร์แดน" หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพล งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคนนั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก

ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป ็นผู้สูงอายุแล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคนนั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท ่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"

ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"

หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจ นซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริษัท บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า "เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯ หรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "มาริลีน มอนโร" นั่นเอง

ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ด อันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคนนั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะ อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินท ุนกับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิ ทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม "บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ

ผมเชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว

แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว

คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก


ที่มา...FWD: MAIL by yahoo.com

หลวงปู่ชา สุภัทโท

เธอจงระวัง ความคิด ของเธอ
เพราะ ความคิด ของเธอ
จะกลายเป็น ความประพฤติ ของเธอ

เธอจงระวัง ความประพฤติ ของเธอ
เพราะ ความประพฤติ ของเธอ
จะกลายเป็น ความเคยชิน ของเธอ

เธอจงระวัง ความเคยชิน ของเธอ
เพราะ ความเคยชิน ของเธอ
จะกลายเป็น อุปนิสัย ของเธอ

เธอจงระวัง อุปนิสัย ของเธอ
เพราะ อุปนิสัย ของเธอ
จะ กำหนดชะตากรรมของเธอ...ชั่วชีวิต


หลวงปู่ชา สุภัทโท

สุดซึ้ง! ความรักของแม่ตาบอด เลี้ยงลูกจนโต



วันที่ 12 สิงหาคม หรือ วันแม่แห่งชาติ เวียนมาบรรจบเมื่อไหร่ ตามรายการต่างๆ ก็มักจะหยิบยกเอาเรื่องราวความผูกพันของแม่กับลูกมานำเสนอ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของ "แม่" ซึ่งหนึ่งในก็คือรายการ "ตีสิบ" ที่ได้พาลูกน้อย 2 คน จาก 2 ครอบครัว มาร้องเพลงขับกล่อมให้แม่ได้อิ่มใจ เพื่อทดแทนค่าน้ำนมที่แม่มอบให้ ในช่วงดันดารา ตอน ร้องเพลงให้แม่ (Song for Mom)

โดยคนแรกคือ น้องน้ำฝน แสงทอง สาวน้อยวัย 14 ปี ที่มาจากครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นคนพิการทางสายตาด้วยกันทั้งคู่ โดยได้นำเพลง "ค่าน้ำนม" มาร้องให้แม่ผู้พิการทางสายตา ซึ่งถึงแม้แม่จะไม่สามารถมีโอกาสมองเห็นหน้าลูกสาวคนนี้ได้ แต่แม่ก็ปลื้มใจทุกครั้งที่สัมผัสและรับรู้ว่าลูกน้อยค่อยๆ เติบโตขึ้นมา สามารถเอาตัวรอดและดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบกลมๆ นี้ได้อย่างมีความสุข




โดยคนแรกคือ น้องน้ำฝน แสงทอง สาวน้อยวัย 14 ปี ที่มาจากครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นคนพิการทางสายตาด้วยกันทั้งคู่ โดยได้นำเพลง "ค่าน้ำนม" มาร้องให้แม่ผู้พิการทางสายตา ซึ่งถึงแม้แม่จะไม่สามารถมีโอกาสมองเห็นหน้าลูกสาวคนนี้ได้ แต่แม่ก็ปลื้มใจทุกครั้งที่สัมผัสและรับรู้ว่าลูกน้อยค่อยๆ เติบโตขึ้นมา สามารถเอาตัวรอดและดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบกลมๆ นี้ได้อย่างมีความสุข
โดยคนแรกคือ น้องน้ำฝน แสงทอง สาวน้อยวัย 14 ปี ที่มาจากครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นคนพิการทางสายตาด้วยกันทั้งคู่ โดยได้นำเพลง "ค่าน้ำนม" มาร้องให้แม่ผู้พิการทางสายตา ซึ่งถึงแม้แม่จะไม่สามารถมีโอกาสมองเห็นหน้าลูกสาวคนนี้ได้ แต่แม่ก็ปลื้มใจทุกครั้งที่สัมผัสและรับรู้ว่าลูกน้อยค่อยๆ เติบโตขึ้นมา
สามารถเอาตัวรอดและดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบกลมๆ นี้ได้อย่างมีความสุข




น้องน้ำฝน หรือ เด็กหญิงน้ำฝน แสงทอง กำเนิดมาจากความรักของพ่อและแม่ผู้พิการทางสายตา พ่อเฉลิม แสงทอง
และ แม่สวัสดิ์ สัจจะมณี ซึ่งพ่อเฉลิมพิการมาตั้งแต่แบเบาะ ส่วนแม่สวัสดิ์เริ่มพิการตอน 4 ขวบ
จากอาการตาแดง ปวดตาและไปรักษาไม่ทัน ทำให้สูญเสียการมองเห็นตั้งแต่นั้นมา

ทั้งนี้ หลังจากทั้งคู่อยู่กินกันได้ไม่นาน ก็มีโซ่คล้องใจเป็นน้องน้ำฝน โดยน้องน้ำฝนเป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าชัง
และที่มีร่างกายสมบูรณ์ทุกประการ และพอมีอีกชีวิตหนึ่งเพิ่มขึ้น
ทั้งสองสามีภรรยาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงดูลูกน้อยให้ดีที่สุด โดยเฉพาะแม่สวัสดิ์
ที่แม้จะมองไม่เห็นว่าหน้าตาลูกเป็นอย่างไร แต่เธอก็มอบกายและใจ ทุ่มเททุกๆ สิ่งให้กับลูกคนนี้เสมอ
โดยเธอจะทุกอย่างต้องทำอย่างระมัดระวังมากกว่าคนปกติ เวลาจะป้อนข้าวป้อนน้ำ
ก็ต้องคลำหาว่าปากของลูกอยู่ตรงไหน แม้ยามลูกป่วยไข้ จะมีก็สองมือแม่เท่านั้นที่จะสัมผัส
และรับรู้ได้แทนการมองเห็น




ทุกๆ วัน รายได้ทางเดียวที่จะนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวจะมาจากการออกไปร้องเพลง ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน บางวันก็ไม่ได้เงินกลับมาเลย แม่ก็ยอมเป็นฝ่ายอดเสียเองเพื่อให้ลูกได้อิ่มท้อง ในวันหยุดเรียนน้องน้ำฝนก็จะไปร้องเพลงกับพ่อแม่ โดยไม่เคยแคร์สายตาใครที่มองว่ามีพ่อแม่เป็นคนพิการ เพราะน้ำฝนรู้ดีว่า ความรักที่แม่มีต่อลูกทำให้แม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องอดทนต่อความลำบากในการเลี้ยงดูลูกมากกว่าคนปกติ น้ำฝนจึงเป็นแก้วตาดวงใจของแม่ แม่ที่พร้อมจะทำทุกอย่างได้เพื่อลูก วันนี้ลูกคนนี้จึงอยากกจะบอกรักแม่ ผ่านทางคำพูด และบทเพลงที่เธอตั้งใจจะมอบให้แม่ผู้มีพระคุณของเธอ

"หนู ไม่เคยอายที่มีแม่ที่ตามองไม่เห็น หนูภูมิใจในตัวแม่มาตลอด แม่ร้องเพลงหาเงินเลี้ยงดูหนูตั้งแต่เล็กจนโต หนูจะขอเป็นดวงใจและดวงตาพาแม่ไปตลอดชีวิตของหนู หนูอยากบอกแม่ว่า...หนูรักแม่ค่ะ" นี่คือถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจของลูกน้อยคนนี้

ขณะ ที่ แม่สวัสดิ์ กล่าวว่า ตอนเด็กๆ ที่ลูกยังช่วยตัวเองไม่ได้ เวลาจะป้อนข้าวก็ต้องใช้มือสัมผัส ดูว่าปากเขาอยู่ไหน แล้วค่อยเอาช้อนตักข้าวป้อนใส่ปาก เวลาอาบน้ำก็ยากเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยทำลูกหล่นสักครั้งเดียว โดยจะใช้แขนประคองลูกไว้ให้อยู่ในอ้อมแขน แล้วใช้แขนวัดน้ำว่าอยู่ในระดับไหน คือจะยอมตัวเปียก เพื่อไม่ให้ลูกได้รับอันตราย
ทุกวันนี้ก็ซื้อบ้าน เพื่อให้ลูกได้มีที่อยู่อาศัยหลับนอน และต้องเสียเงินเป็นค่าดอกอีกวันละ 700 บาท แต่ถ้าวันไหนที่ฝนตกก็เท่ากับว่าไม่มีรายได้เข้าบ้านเลย แต่อย่างไรแม่คนนี้ก็จะสู้เพื่อลูกต่อไป



จาก www.sanook.com